ไอเดียตกแต่ง Co-Working Space เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

การออกแบบ Co Working Space ให้มีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำงาน แต่ยังส่งเสริมบรรยากาศที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และความร่วมมือในทีมได้ดีอีกด้วย ที่สำคัญต้องเลือกบริษัทรับตกแต่งภายในที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ เพื่อช่วยให้การออกแบบมุมทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชันนั่นเอง

1. แบ่งโซนที่นั่งเป็นสัดส่วน

การออกแบบตกแต่งภายในพื้นที่ Co-Working Space ให้เป็นสัดส่วน จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกทำงานตามลักษณะการทำงานของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นโซนสำหรับทำงานเดี่ยวที่ต้องการความเงียบสงบ หรือโซนสำหรับทำงานเป็นกลุ่มที่ต้องการการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การสื่อสารร่วมกัน การจัดพื้นที่อย่างเป็นระเบียบจะช่วยเสริมบรรยากาศที่เอื้อต่อสมาธิ โฟกัสกับงานได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งการแบ่งโซนที่เหมาะสมช่วยให้ใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด

2. เลือกสีและวัสดุที่กระตุ้นพลังทำงาน

การเลือกสีและวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งพื้นที่มีผลต่อการกระตุ้นพลังงานในการทำงาน สีที่เหมาะสำหรับการทำงานควรเป็นโทนสีสว่าง เช่น สีขาว สีครีม สีฟ้าอ่อน หรือสีเขียวอ่อน ซึ่งช่วยสร้างความรู้สึกสงบและมีสมาธิได้ดี นอกจากนี้ วัสดุที่ใช้ในพื้นที่ Co-Working Space ควรเลือกใช้วัสดุที่ดูทันสมัยและสบายตา เช่น ไม้, กระจก, โลหะ หรือหินอ่อน ที่ช่วยให้พื้นที่ดูโปร่งและมีความหรูหรา ทำให้ผู้ใช้รู้สึกกระตือรือร้นในการทำงาน มีบรรยากาศที่ดีกว่าการทำงานในพื้นที่ที่คับแคบหรือมืดทึบ

3. ตกแต่งสไตล์ทันสมัยเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและไอเดียใหม่ ๆ

การออกแบบตกแต่งภายใน Co-Working Space ด้วยสไตล์ที่ทันสมัยสามารถช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจได้ดี เลือกตกแต่งด้วยดีไซน์ที่เรียบหรูแต่มีเอกลักษณ์ อย่างการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีรูปทรงแปลกใหม่ ด้วยโต๊ะกลางทรงรีขอบโค้งมน สร้างความรู้สึกนุ่มนวล ขณะที่โต๊ะข้างขนาดเล็กออกแบบให้มีฐานทรงกรวย สร้างรูปทรงที่โดดเด่น พร้อมแบ่งพื้นที่ด้วยกรอบไม้ ในเส้นสายแนวตั้ง ช่วยสร้างมิติให้ห้อง ดูเปิดโล่งแต่ยังคงความเป็นสัดส่วน เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนที่ผสานกับโทนสีอบอุ่นและแสงไฟจากฝ้าเพดานทรงกลม จะช่วยเพิ่มความโปร่งและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ระหว่างวันทำงานได้ดี

4. ใช้แสงสว่างที่เพียงพอ

แสงสว่างเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยแสงธรรมชาติจะช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกตื่นตัวและลดความเมื่อยล้าจากการทำงานได้ดี การเลือกใช้แสงไฟภายใน Co-Working Space ควรเลือกหลอดไฟที่มีสีอุณหภูมิประมาณ 4000K-5000K หรือคูลไวท์ (Cool White) โทนเหลืองอมขาว ซึ่งเป็นสีโทนที่เหมือนกับแสงที่ได้จากธรรมชาติ สีโทนนี้เหมาะกับการใช้งานภายใน ซูเปอร์มาเก็ต ห้องสมุด หรือ โรงพยาบาล เป็นต้น เป็นแสงที่ช่วยเพิ่มสมาธิและความตื่นตัว นอกจากนี้ ควรออกแบบให้แสงจากหน้าต่างสามารถส่องเข้ามาภายในพื้นที่ได้ เพื่อให้ห้องดูโปร่ง โล่งและมีชีวิตชีวา

5. มีมุมพักผ่อนระหว่างคิดงาน

การมีมุมพักผ่อนภายใน Co-Working Space เป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถฟื้นฟูพลังและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน คิดงานได้ดีขึ้น หหลังจากที่สมองต้องเผชิญกับความเหนื่อยล้าจากการทำงานเป็นเวลานาน การมีมุมพักผ่อนที่สะดวกสบาย เช่น โซฟานุ่ม ๆ หรือที่นั่งที่สามารถเอนหลังได้ จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้ผ่อนคลาย คลายความตึงเครียด กลับมามีสมาธิ ทำงานด้วยมุมมองใหม่และแรงบันดาลใจที่สดชื่นมากยิ่งขึ้น

โดยภาพด้านบนจะเป็นตัวอย่างการออกแบบห้องทำงานที่ทีมเราได้ออกแบบ ผลิต และติดตั้งเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินนั่นเองค่ะ

หากคุณกำลังมองหาทีมงานมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญที่รับออกแบบห้องทำงาน หรือ Co-Working Space ที่สวยงาม ทันสมัย แถมยังตอบโจทย์ได้ทุกฟังก์ชัน ทีมงาน Mela Deco พร้อมให้บริการด้วยดีไซน์เนอร์มืออาชีพที่เข้าใจทุกความต้องการ หรืออยากได้เฟอร์นิเจอร์สไตล์ไหน ลองทักหา Mela Deco ได้เลย ทีมงานพร้อมให้บริการสุด ๆ เลยค่ะ

วัสดุของทาง Mela Deco เลือกใช้ไม้ HMR เกรดพรีเมียม และปิดผิวด้วยลามิเนตอย่างดี แถมยังมีดีไซน์ที่สวยงาม ออกแบบได้ตามใจลูกค้า ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพ

Website :: https://meladeco.com/
Official Instagram :: https://www.instagram.com/meladecoth/
Line Official :: @meladeco
Official Fanpage ::
https://www.facebook.com/MelaDecoTH

 

More from Mela Deco

Earl Grey Veil ความสงบที่ซ่อนพลัง ผ่านโทนสีเทาอ่อน ครีม และน้ำตาลธรรมชาติ ผสานแสงทองละมุนอย่างประณีต เพื่อสร้างพื้นที่พักใจที่ทั้งละมุน ลุ่มลึก
Hojicha Reverence เสน่ห์ของความอบอุ่นผ่านโทนสีที่ผ่านการคั่ว พื้นผิวธรรมชาติ และจังหวะแสงที่ทำให้ทุกห้องกลายเป็นพื้นที่พักใจ เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง
โทนสีของงานบิ้วอินส่งผลต่ออารมณ์เจ้าของบ้านอย่างไร? รู้จักจิตวิทยาของสีและวิธีเลือกโทนให้บ้านสวย น่าอยู่ และรู้สึกสบายใจทุกวัน
Rose Latte Serenity การออกแบบบิ้วอินที่ถ่ายทอดความหรูหราอย่างอ่อนโยน ผสานโทน Rosé Beige และแสงละมุน สะท้อนความสงบและอบอุ่นในทุกมุมของบ้าน
รู้ไหมว่าในการทำบิ้วอินบ้าน ไม่ได้มีแค่ช่างอย่างเดียว แต่ยังต้องมีอินทีเรียช่วยออกแบบด้วย! ทำความเข้าใจหน้าที่ของช่างบิ้วอินและอินทีเรียได้ที่นี่!
บิ้วอินช่วยสร้างบรรยากาศและอารมณ์ในบ้านอย่างไร? รู้จักผลทางจิตวิทยาของงานบิ้วอิน ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น